เป็นที่ทราบกันดีว่า มหาอำนาจอย่างรัสเซียนั้น มีความสัมพันธ์ไม่ใคร่ดีนักกับหลายประเทศ โดยเฉพาะชาติที่เป็นสมาชิกกลุ่มพันธมิตรทางทหารนาโต (NATO) และประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตมาก่อน
หนึ่งในนั้นคือเพื่อนบ้านของยูเครนอย่าง “โปแลนด์” ซึ่งในสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ผ่านมาได้สนับสนุนยูเครนได้ด้านการทหารอย่างแข็งขัน และยังได้มีการรื้อถอนอนุสรณ์สถานโซเวียตทั่วประเทศทิ้ง เพื่อแสดงเจตจำนง “ไม่เอารัสเซีย”
ล่าสุดความสัมพันธ์ระหว่างโปแลนด์และรัสเซียที่แย่อยู่แล้วตึงเครียดขึ้นไปอีก เมื่อโปแลนด์เปลี่ยนชื่อเมือง “คาลินินกราด” (Kaliningrad) ของรัสเซียในเอกสารทางการ มาเป็นชื่อ “ครูเลเวียซ” (Królewiec) แทน
ยูเครนเผยแผนทำลายฐานที่มั่นรัสเซีย ใกล้เมืองบัคมุต คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
สหรัฐอนุมัติแล้ว โอนทรัพย์สินที่ริบจากรัสเซียให้ยูเครนใช้ฟื้นฟูประเทศ
ถูกขีปนาวุธรัสเซียโจมตี นักข่าวฝรั่งเศสเสียชีวิตใกล้เมืองบัคมุต
ต้องเท้าความก่อนว่า คาลินินกราดเดิมมีชื่อว่า มีชื่อว่า เคอนิชส์แบร์ก (Königsberg) ต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกรัสเซียยึดครอง และเปลี่ยนชื่อเป็นคาลินินกราด เพื่อเป็นเกียรติแก่ มิคาอิล คาลินิน ผู้นำสหภาพโซเวียตในขณะนั้น
ต่อมาในปี 1991 เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย คาลินินกราดกลายเป็นภูมิภาคเล็ก ๆ ของรัสเซียที่ไม่ได้อยู่ติดกับแผ่นดินส่วนอื่นของรัสเซียเลย และมีพรมแดนติดกับลิทัวเนียและโปแลนด์ โดยถูกแยกออกจากรัสเซียแผ่นดินใหญ่เพราะลิทัวเนียประกาศอิสรภาพ
โดยเมื่อวันพุธ (10 พ.ค.) ที่ผ่านมา วัลเดมาร์ บูดา รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาของโปแลนด์ กล่าวว่า ตอนนี้คาลินินกราดจะถูกเรียกอย่างเป็นทางการว่าครูเลเวียซ ซึ่งเป็นชื่อเก่าเมื่อครั้งถูกปกครองโดยราชอาณาจักรโปแลนด์ในศตวรรษที่ 15 และ 16
“เราไม่ต้องการให้มีความเป็นรัสเซียในโปแลนด์ และนั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเมืองคาลินินกราดและภูมิภาคคาลินินกราดเป้นภาษาแม่ของเรา” บูดากล่าว โดยเป็นไปตามคำแนะนำของคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานชื่อต่างประเทศในภาษาโปแลนด์
คณะกรรมการฯ บอกว่า “แต่ละประเทศมีสิทธิ์ใช้ชื่อดั้งเดิมในภาษาของตนที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของตน และไม่สามารถถูกบังคับให้ใช้ชื่อในภาษาที่ไม่เป็นที่ยอมรับได้”
นอกจากนี้ ทางการโปแลนด์ยังบอกว่า ชื่อคาลินินกราดนั้น เชื่อมโยงกับคาลินิน ซึ่งลงนามในคำสั่งประหารชีวิตเชลยศึกชาวโปแลนด์กว่า 21,000 คนในป่าเคทีน จนกลายเป็นเหตุการณ์ที่รู้จักกันในชื่อ “การสังหารหมู่เคทีน” ในปี 1940
ด้านรัฐบาลรัสเซียได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำดังกล่าวของโปแลนด์ โดยบอกว่า นี่เป็น “การกระทำที่ไม่เป็นมิตร”
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวว่า การตัดสินใจนี้ของโปแลนด์เปรียบได้กับ “ความบ้าคลั่ง”
เขาบอกว่า “เราทราบดีว่า ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา โปแลนด์มักมีความเกลียดชังอย่างบ้าคลั่งต่อรัสเซีย”
นอกจากเรื่องของการเปลี่ยนชื่อเมืองของรัสเซียในเอกสารทางการของตนแล้ว ก่อนหน้านี้ โปแลนด์ยังได้เริ่มเสริมความแข็งแกร่งบริเวณชายแดนของตนด้วยการสร้างรั้วลวดหนามชั่วคราวสูง 2.5 เมตร
และเมื่อเดือนที่แล้วโปอลนด์ก็ได้เริ่มติดตั้งกล้องและเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนที่ติดกับคาลินินกราด 232 กิโลเมตร รวมถึงติดตั้งเครื่องกีดขวางต่อต้านรถถังไว้ตามจุดผ่านแดน
โปแลนด์ยังได้สร้างรั้วเหล็กสูง 5.5 เมตรตามแนวชายแดนบางส่วนที่ติดกับเบลารุส หลังจากมีผู้อพยพจำนวนมากข้ามแดนมายังโปแลนด์ ลิทัวเนีย และลัตเวีย
เรียบเรียงจาก BBC / The Guardian
ภาพจาก Shutterstock