นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี เปิดเผยว่า การเดินทางไปประเทศอิตาลี ได้เข้าพบและหารือกับผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอิตาลีกว่า 50 ราย เพื่อให้ข้อมูลศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย แสดงความคืบหน้าของการพัฒนาพื้นที่ และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน มาตรการส่งเสริมการลงทุนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจและดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายสู่พื้นที่อีอีซี
นอกจากนี้ ยังได้พบกับประธานสภาหอการค้าอิตาลี และร่วมกันจัดสัมมนาเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจในอีอีซี โดยมีผู้บริหารของบริษัทชั้นนำในอิตาลีเข้าร่วม 30 ราย โดย คณะฯ ของไทยได้พบกับผู้บริหารสถาบันการเงินสำหรับการลงทุน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่อีอีซีระยะที่ 2 โดยกลุ่มนักลงทุนอิตาลีให้ความสนใจพื้นที่อีอีซีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิทัล ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ และพลังงานสะอาด รวมทั้งได้พบกับผู้บริหารระดับสูง บริษัท เลโอนาร์โด (Leonardo S.p.A) ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกในด้านเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมด้านอวกาศ และเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยชั้นสูง เพื่อชักชวนให้ขยายการลงทุนเพิ่มเติมในพื้นที่อีอีซี เช่น ในด้านระบบบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ ระบบบริหารจัดการท่าอากาศยาน เป็นต้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ คณะฯ ยังได้หารือกับผู้บริหารของบริษัท ABB SACE S.p.Aคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ซึ่งมีศูนย์แห่งความเป็นเลิศในด้านการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีขั้นสูงสู่อุตสาหกรรม 4.0 และได้พบกับผู้บริหารและเยี่ยมชมโรงงานของบริษัท Biomedica Foscana S.p.A. ที่มีการผลิตยาและบรรจุวัคซีน โดยได้แลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลด้านอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ยาและวัคซีน รวมทั้งผลักดันโอกาสการลงทุนด้านการแพทย์ชั้นสูงร่วมกันในอนาคตอีกด้วย
รวมทั้งยังได้จัดสัมมนาร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์แห่งอิตาลี (Farmindustria) ซึ่งมี 15 บริษัทเข้าร่วม โดยคณะฯ ของไทยได้ให้ข้อมูลที่แสดงความพร้อมของประเทศไทย ในการเป็นฐานการผลิตยาและเวชภัณฑ์ให้กับภูมิภาค ส่งเสริมความร่วมมือด้านงานวิจัยทางการแพทย์ การพัฒนาต่อยอดในด้านการทดสอบทางคลินิก และการผลิตยาที่มีความจำเพาะมากขึ้น
ในส่วนของการเดินทางไปเจรจาการลงทุนที่ประเทศสวิสแลนด์ อีอีซี ได้ร่วมกับ หอการค้าสมาพันธรัฐสวิส จัดสัมมนา EEC: Prime Gateway to Asia พบปะกลุ่มนักลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายกว่า 40 บริษัท อาทิ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล เทคโนโลยีด้านการเงิน อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการบริการ เป็นต้น
โดยภายในงานสัมมนาครั้งนี้ อีอีซี ได้รับเกียรติจาก H.E. Helene Budliger Artieda ปลัดกระทรวงเศรษฐกิจสมาพันธรัฐสวิส ขึ้นกล่าวเปิดงานสัมมนาฯ ซึ่งได้แสดงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยถึงความพร้อมในการรองรับนักลงทุนในหลายๆ ด้าน ตอบโจทย์ผู้ประกอบการหรือนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ Work-Life Balance เป็นปัจจัยสำคัญ และการเปิดความตกลงการค้าเสรีไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป หรือ EFTA ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในเรื่องการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้มากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ อีอีซี ก็ได้นำเสนอข้อมูลและโอกาสการลงทุน ทั้งด้านสิทธิประโยชน์สำคัญๆ เพื่อจูงใจนักลงทุน พร้อมชูจุดเด่นในพื้นที่อีอีซี นอกเหนือจากความสะดวกของโครงสร้างพื้นฐาน ที่รองรับการคมนาคมขนส่งอย่างไร้รอยต่อ ทั้งทาง บก เรือ อากาศ เป็นประตูเชื่อมโยงการขนส่งได้ทั่วโลก อีกทั้งได้สร้างระบบเชื่อมโยงทางธุรกิจ (ecosystem) เพื่อส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมที่เป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน และอุตสาหกรรมบริการในด้านโลจิสติกส์ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการศึกษา ซึ่งเป็นสาขาอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพทั้งด้านตลาด และการผลิต ตลอดจนการพัฒนาทักษะบุคลากรที่มีคุณภาพ
รวมทั้งยังมีผู้แทนจากบีโอไอ ร่วมให้ความรู้เรื่องสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุน ซึ่งมีการปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเดิมและสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ มีการเพิ่มแรงจูงใจสำหรับบริษัทที่ต้องการจัดตั้ง International Business Center (BIC) ในไทย และการให้ความรู้เรื่องโปรแกรม Long- Term Visa (LTR) ที่อำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนที่ต้องการพำนักในประเทศไทยระยะยาว
สำหรับช่วงการเสวนา H.E. Mr. Pedro Zwahlen เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ต้องการให้ภาคเอกชนสวิสฯ มองเห็นโอกาสการทำธุรกิจในประเทศไทยซึ่งมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน นอกจากความโดดเด่นที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของภูมิภาค แม้ว่าในปัจจุบันมีบริษัทสวิส หลายบริษัทได้เข้าไปลงทุนในไทยและพื้นที่อีอีซีแล้ว ซึ่งสำนักงานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ในไทยยินดีสนับสนุนภาคธุรกิจที่สนใจ และให้พิจารณาเลือกประเทศไทยและพื้นที่อีอีซี เป็นลำดับต้น ๆ หากต้องการมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ
ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงจาก 3 บริษัทเอกชนที่มีการลงทุนในไทย ได้แก่ ABB (Thailand) Co., Ltd. Neoperl Asia Pacific Co., Ltd. และ Abatek (Asia) Public Company Limited ซึ่งได้แดงมุมมองการลงทุนใน อีอีซี ไว้ว่า อีอีซี เป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานเหมาะกับการผลิตที่เป็น supply chain ส่งผลให้การลงทุนในไทยสามารถทำให้ได้ดีทั้งตลาดไทยและประเทศในภูมิภาค อีกทั้งในปัจจุบันประเทศไทยมีนโยบายพร้อมส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในหลายด้าน เช่น ความพร้อมในการเป็นผู้นำในการผลิตรถอีวี มีเครือข่ายระบบ 5 จี ที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีการส่งเสริมในด้านอุตสาหกรรม 4.0 ดิจิทัล และการแพทย์สมัยใหม่ ตลอดจนการส่งเสริมด้านพัฒนาทักษะแรงงานขั้นสูงที่ดีอีกด้วย
ทั้งนี้ ถือได้ว่าในการเดินทางมาเจาะตลาดการลงทุนในประเทศอิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนทั้ง 2 ชาติในระดับที่สูงมาก และยังได้ต่อยอดความร่วมมือไปสู่การพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมายในอีกหลายด้าน ซึ่งหลังจากนี้ อีอีซี จะประสานงานกับนักลงทุนของทั้ง 2 ประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่ออำนวยความสะดวก และก่อให้เกิดการตั้งฐานการผลิตในพื้นที่ อีอีซี ได้อย่างรวดเร็ว